วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

“คนรุ่นใหม่ เมาไม่ขับ รับผิดชอบสังคม ครั้งที่ 2”


งานประกาศผลโครงการประกวดโปสเตอร์
คนรุ่นใหม่ เมาไม่ขับ รับผิดชอบสังคม ครั้งที่ 2”


ภาพรวมผลงานและผู้ที่ได้รับรางวัลในการประกวดครั้งนี้
บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด (สาขาประเทศไทย) จัดโครงการ ประกวด โปสเตอร์ คนรุ่นใหม่ เมาไม่ขับ รับผิดชอบสังคม ครั้งที่ 2 นี้ขึ้นเพื่อที่จะตอบสนองต่อเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ในอันที่จะสร้างเสริมความปลอดภัยให้แก่สังคมไทย โดยความร่วมมือจาก มูลนิธิเมาไม่ขับ



ภาพภายในงานวันที่ประกาศผลรางวัล
ในงานครั้งนี้มีรองผู้จัดการสาขาประเทศไทย  บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด นาย วิชัย สันติมหกุลเลิศ  กล่าวว่า บริษัท มิตซุย ฯ ได้ให้การสนับสนุนโครงการของมูลนิธิเมาไม่ขับมาหลายปีติดต่อกัน และการจัดให้มีการประกวดโปสเตอร์ขึ้นนั้น ได้สืบเนื่องมาจากความต้องการเพิ่มเติมในเรื่องสื่อประชาสัมพันธ์ให้แก่มูลนิธิฯ นำไปใช้รณรงค์สร้างพฤติกรรมเมาไม่ขับให้เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น บริษัทฯจึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เพราะต้องการย้ำจุดยืนในการทำงานเพื่อให้ทุกคนร่วมลดอุบัติเหตุในสังคมไทย และเป็นเวทีให้นิสิต นักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาได้ใช้ความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบของสื่อรณรงค์ที่นำไปใช้ได้จริง และปลูกจิตสำนึกของคนรุ่นใหม่ให้เกิดความรู้สึกรับผิดชอบสังคมด้วยการละเว้นการขับขี่ขณะมึนเมา ผ่านทางผลงานโปสเตอร์รณรงค์ที่ออกแบบโดยคนรุ่นใหม่ด้วยกันเอง
ภาพผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ

ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศได้แก่ จุดจบ” 
ผลงานของ นางสาวพิมพ์พลอย ลิ้มประไพพงษ์  คณะมัณฑนศิลป์  มหาวิทยาลัยศิลปากร  
โปสเตอร์นี้มีชื่อผลงานว่า"อย่าให้มันมาตัดสินชีวิตคุณ"

          ซึ่งโปสเตอร์นี้ได้ใช้ภาพเพื่อจะสื่อความหมายโดยนัยว่า “ทุกครั้งที่คุณไปดื่มไม่ควรนึกถึงแค่ความสนุก ณ ตอนนั้น แต่ต้องนึกถึงจุดจบของมันด้วยว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งในภาพเลือกใช้กระป๋องเบียร์ที่ถูกบีบอัด โดยมีฉลากเป็นรูปรถ หมายถึงว่าหากเราดื่มแล้วขับ จุดจบของคุณก็คงไม่ต่างอะไรกับกระป๋องเบียร์นั้นเอง ดังนั้นอย่าให้เบียร์เพียงกระป๋องเดียวมาตัดสินชีวิตเรา“ และคณะกรรมการเห็นว่า ภาพสื่อสารตรงประเด็นอย่างชัดเจน ดูมีพลัง และตรงกับแนวคิดของโครงการ

 โปสเตอร์ที่ได้รับรางวัลนี้ เมื่อนำมาวิเคราะห์จากหลักในการออกแบบแล้วนั้นจะเห็นได้ว่า
            ด้านของส่วนสัด ( proportion ) ความสัมพันธ์ในเรื่องของขนาด ระยะหรือพื้นที่ระหว่างของสองสิ่ง กว้า ยาว สอดคล้องกับสัดส่วนของกระดาษมาตรฐานที่จำหน่ายทั่วไป ในเรื่องการเปรียบเทียบทางด้านองค์ประกอบ ทั้งขนาดตัวอักษรที่มีขนาดใหญ่ สามารถอ่านหรือมองเห็นได้ชัดเจน และเป็นที่สะดุดตา พร้อมด้วยภาพประกอบกับคำที่ใช้ในการสื่อ จึงทำให้มองเห็นและเข้าใจในสิ่งที่ผู้ออกแบบนั้นต้องการสื่อออกมาได้อย่างชัดเจน

            ในด้านของความสมดุล ( balance ) สำหรับโปสเตอร์นี้ถ้าดูการจัดวางตำแหน่งขององค์ประกอบต่างๆ ในภาพจะเห็นได้ว่าการลงตำแหน่งของแต่ละส่วนสัดนั้นมีน้ำหนักที่เท่ากัน น้ำหนักของภาพจะขึ้นอยู่กับขนาด รูปร่าง ความเข้มและสีที่ชัดเจนและเป็นตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้ภาพดังกล่าวออกมาดูเด่นและสมดุลไปในทิศทางเดียวกัน

            เรื่องความแตกต่าง ( contrast ) ในโปสเตอร์นี้จะเน้นความแตกต่างโดยรูปร่าง ส่วนของกระป๋องตัวแทนเปรียบให้เป็นรถยนต์ที่เป็นจุดขาย เมื่อเราดื่มของมึนเมาก็เปรียบกับการที่เราเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตูจนอาจถึงชีวิตได้ และเน้นความแตกต่างด้วยทิศทางจะสื่อให้คนเข้าใจไปในทางเดียวกัน ให้มองภาพเป็นแนวนอน โดยให้ส่วนที่เป็นกระป๋องเบียร์นั้นเป็นส่วนตัดกับคำที่เป็นตัวอักษรสื่อความหมาย พร้อมสีแดงแสดงถึงเลือดและความสูญเสีย เพื่อเร้าความรู้สึก ซึ่งทำได้โดยการใช้ขนาด รูปร่าง สี และทิศทางที่แตกต่างไปจากองค์ประกอบอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบเพื่อทำให้เกิดความเด่นขึ้น

            ด้านความมีเอกภาพ ( unity ) เป็นการจัดวางองค์ประกอบทั้งหมดของรูปแบบในโปสเตอร์ ตั้งแต่ข้อความ ภาพ สัญลักษณ์เปรียบเทียบ ให้มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ผู้ออกแบบสามารถสะท้อนเรื่องราวที่จะสื่อได้เป็นหนึ่งเดียว ทำให้เกิดผลต่อผู้อ่านหรือผู้ดูไปในทางเดียวกัน โดยสอดคล้องกับความต้องการและวัตถุประสงค์ของผู้ออกแบบด้วย

            การผสมกลมกลืน ( harmony ) การออกแบบของผู้ออกแบบโปสเตอร์นี้จัดให้องค์ประกอบ ของภาพให้มีความผสมกลมกลืนและได้ผลตามความต้องการ เพราะรูปแบบที่ออกมาสะดุดตาผู้ชม ผู้ที่พบเห็นหรือผู้ที่สนใจอีกด้วย ซึ่งภาพรวมทั้งหมดสื่อความหมายหรือให้ผลในการมองเป็นสิ่งเดียวกัน ความผสมกลมกลืนจะจัดการได้ในเรื่อง สี รูปทรงขององค์ประกอบต่างๆและแบบตัวอักษรได้อย่างดี

            การเน้นจุดแห่งความสนใจ ( Center of interest ) ผู้ออกแบบได้ชี้จุดเปรียบเทียบกระป๋องเบียร์ ว่ายิ่งดื่มยิ่งเป็นบ่อเกิดของความสูญเสีย แม้จะเป็นเพียงแค่กระป๋องเดียว แต่ไม่ควรประมาท ซี่งมีลักษณะเด่น น่าสนใจเป็นพิเศษกว่าบริเวณอื่นเพื่อดึงดูดสายตาของผู้ดู ซึ่งการออกแบบแบบนี้เป็นการสร้างสรรค์งานเพื่อโน้มน้าวใจผู้ดูให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการ ใช่เพื่อความพอใจของผู้ออกแบบเอง

                ขนาดของโปสเตอร์ (Size) ขนาดของวัตถุเป็นส่วนประกอบกันที่ทำให้ผลงานดังกล่าวมีรูปแบบที่ชัดเจนขึ้นมา การจัดขนาดส่วนประกอบต่าง ๆ ผู้ออกแบบสามารถวางแผนการออกแบบได้เป็นอย่างดีจึงทำให้ผลงานน่าสนใจยิ่งขึ้นและดูเป็นระเบียบขึ้น ขนาดจะทำให้เห็นความสำคัญของสิ่งที่ต้องการเน้น ช่วยดึงดูดความสนใจ และช่วยให้ผลงานชิ้นสำเร็จประกอบเข้าด้วยกันได้อย่างเหมาะสม
          เรื่องของสีสัน (Color) สีเป็นองค์ประกอบของการออกแบบที่มีความสำคัญมาก เพราะสีจะมีผลด้านอารมณ์ และความรู้สึก สียังทำให้เกิดภาพ ดึงดูดความสนใจ และบอกความรู้สึกของสิ่งต่าง ๆ และผู้ออกแบบเลือกใช้สีที่ส่งผลต่อการเข้าใจและเข้าถึงได้เป็นอย่างดี สามารถเปรียบเทียบได้อย่างเข้าใจง่ายๆในตัวมันเอง โดยไม่ต้องใช้คำอธิบายที่มากเกินไป
                ด้านตัวอักษร (Typography) ตัวอักษรของโปสเตอร์นี้ สามารถเรียงร้อยบอกเล่าเรื่องราวให้ผู้อ่านแปลความหมายตามที่ผู้ออกแบบสื่อได้โดยตรง ไม่ต้องแปลความหมายเหมือนเช่นองค์ประกอบอื่น ซึ่งผู้ออกแบบได้ตกแต่งตัวอักษรโดยใช้รูปแบบ และสีสัน มาจัดวางเป็นความหมายแบบเปรียบเทียบ สร้างแรงดึงดูดให้สนใจและน่าค้นหาติดตาม
           
         " ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ คือ การออกแบบหลักๆของสื่อสิ่งพิมพ์ในเบื้องต้น ผู้เขียนคิดว่าหลักการดังกล่าวตรงและเหมาะสมกับโปสเตอร์ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ เพราะมีคุณสมบัติที่ตรงกับหัวข้อ และวัตถุประสงค์ของคณะกรรมการที่จัดโครงการครั้งนี้ขึ้น เป็นโปสเตอร์ที่สื่อภาพนิ่งออกมาได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งเน้นความหมายโดยนัยได้อย่างแตกฉาน โดยใช้ภาพเบียร์เพียงแค่ 1 กระป๋องแล้วเล่าเหตุการณ์จากภาพต่อโดยเรียงกระป๋องเบียร์ที่ค่อยๆชำรุดไปในแนวนอนและทิศทางเดียวกัน ทำให้ผู้ชมสามารถมองถึงเหตุเกิดของการขาดสติในการดื่ม เพียงแค่เบียร์ 1 กระป๋องก็จับมาออกแบบและถ่ายทอดถึงจุดจบของการขาดสติที่เกิดจากการดื่มของมึนเมา จนทำให้เป็นบ่อเกิดของความสูญเสียได้อย่างชัดเจนและโดดเด่นเป็นอย่างมาก "




วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

M2Fฉีกกฎการเปิดรับข่าวสารโฉมใหม่



         


             M2F เป็นหนังสือพิมพ์หัวสีแจกฟรีฉบับแรก ที่ได้ฉีกกฎการเปิดรับข่าวสารโฉมใหม่ โดดเด่นทุกเนื้อหา เกาะติดสถานการณ์เด่น พร้อมเสิร์ฟให้คนกรุงเกาะกระแส Hot! ตามติดทุกเทรนด์ได้แล้ววันนี้ เตรียมส่งตรงถึงมือ     ทุกเช้าวันจันทร์-ศุกร์ ตามสถานีขนส่งมวลชน BTS, MRT, BRT , ย่านธุรกิจกลางกรุงหรือตามสถานที่ต่างๆที่เป็นจุดสนใจดึงดูดผู้คน  ทั้งนี้เพื่อเป็นการโปรโมทหนังสือพิมพ์สำหรับยุคใหม่ที่มีเนื้อหาที่น่าสนใจเหมาะกับชีวิตในสังคมปัจจุบัน


ภาพจากงานแถลงข่าวหนังสือพิมพ์ M2F

 M2F   คือหนังสือพิมพ์รายวันที่มีแจกเฉพาะในกรุงเทพมหานครของเราเท่านั้น อีกทั้งยังมีการวางเนื้อหาที่น่าสนใจ มีขนาดที่เล็กสะดวกที่จะพกพาไปที่ไหนก็ได้และเป็นจุดเด่นที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง    ทั้งหัวข้อข่าวที่ครอบคลุมทันทุกเรื่องเหตุการณ์ข่าวสารที่เกิดขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง  ข่าวสังคม  บันเทิงและความรู้รอบตัว นับว่าเป็นสื่อสิ่งตีพิมพ์ที่มีเนื้อหาครบรสจริงๆ อีกสิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของ M2F คือ รูปภาพและคำโดนๆที่นำไปพาดหัวข่าว เพื่อเป็นจุดสนใจทำให้ผู้อ่าน มีความอยากรู้และอยากติดตามสิ่งตีพิมพ์นี้ โดยธรรมชาติของมนุษย์มักจะมองสิ่งที่เป็นรูปภาพหรือคำพาดหัวข่าวที่โดดเด่น ก่อนที่จะเข้าไปอ่านเนื้อหาต่อ  M2F ได้เลือกนำจิตวิทยาของมนุษย์ในการดึงดูดผู้อ่าน ให้สิ่งตีพิมพ์ของตนเองนั้นน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างคอลัมน์ข่าวในหนังสือพิมพ์ M2F

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

แพรว-สุดสัปดาห์

" ปลูกต้นไม้ในใจเรา "

   ขณะที่กำลังติดตามข่าวสารเศรษฐกิจในช่วงขาลงนั้น คนใหญ่คนโตคนหนึ่งซึ่งตกเป็นข่าวว่า...
ลาออกจากทางราชการเพราะทนแรงกดดันจากทางการเมืองไม่ไหว ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกภายหลังหลบหน้านักข่าวไปสองสามวันว่า " ไม่มีอะไร  ผมแค่อยากปลูกต้นไม้

   เมื่อถูกซักว่า "ที่ลาออกเพราะการเมืองใช่หรือไม่ และอยากจะทำอะไรต่อไป"  เขาก็ยิ้มตอบแล้วได้แต่บอกว่า " ก็ดูแลต้นไม่ที่ทิ้งไว้นานแล้วให้ดีๆ " ถึงแม้นักข่าวคิดว่าเป็นการตอบคำถามที่เลี่ยงคำถามแต่ก็ได้สังเกตน้ำเสียง และการยิ้มสู้กล้องของเขาอย่างมั่นใจ ทำให้ประเด็นเรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจมากขึ้น     ยามเศรษฐกิจตกต่ำ คนกำลังตกงาน จิตใจว้าวุ่น การปลูกต้นไม้คงให้อะไรมากกว่าที่คิด ต้นไม้คือชีวิต เป็นสัญลักษณ์ของการเติบโต แต่คนที่หันเข้าหาต้นไม้ยามมีปัญหา ไม่พ้นถูกกล่าวหาว่าวิ่งหนีปัญหา แต่ในทางกลับกัน ฉันกลับเห็นเขาว่าเป็นคนที่ฉลาดทีเดียว อย่างน้อยก็รู้วิธีหนีมันอย่างฉลาด และใช้มันได้อย่างถูกจังหวะที่สวยงาม
  ทุกวันนี้มีโครงการณ์ปลูกต้นไม้ปลูกป่ามากมายเพื่อหวังเพิ่มสีเขียวให้กับโลกที่แห้งแล้งลงทุกที ถ้าเราคอยสังเกตดีๆจะเห็นว่า ต้นไม้ที่ปลูกในฌอกาสเฉพาะกิจต่างๆ มักจะตายมากกว่ารอด หรือว่าการรณรงค์ปลูกต้นไม้ไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาเสียแล้ว  การที่จะปลูกต้นไม้ให้งามต้องอาศัยความผูกพัน เอาใจใส่ ถ้าไม่ผูกพัน ถึงปลูฏมากเท่าไหร่ก็ตายหมด ถ้าเราสนใจ แม้เพียงต้นเดียวก็สามารถช่วยสิ่งแวดล้อมได้บ้าง นี่คือที่มาของประโยคคำคมๆว่า ปลูกต้นไม้ในใจคนเสียก่อน แล้วคนจะปลูกต้นไม้ในแผ่นดิน
  


ทั้งฉันและต้นไม้ เราต่างหวังว่าจะเติบโตบนผืนแผ่นดิน
ที่เหมาะสมร่วมกันระหว่างการเดินทางที่ความฝัน
และความจริงยังไม่บรรจบกันนั้น 
เราต่างมีกันและกันเป็นพันธสัญญา






บทความดังกล่าวได้สอดคล้องเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตและการใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง รู้จักที่จะเลี่ยงปัญหาที่ตามมา เมื่อเราพบกับปัญหา เราควรมีทางออกและหนทางแก้ไข หรือหนทางที่เรียกว่า 
การเดินทางสายกลาง เข้าใจในปัญหา และค้นพบทางออกของปัญหาด้วยตัวเราเอง การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนั้นทำได้ไม่ยาก อย่างเช่นการปลูกต้นไม้ในใจเรา ก็เหมือนทำให้ใจตนเองนั้นสงบ เบ่งบานไปด้วยสีเขียว หากใจเราสงบนิ่ง ไม่คิดฟุ้งซ่าน ความทุกข์ย่อมไม่เกิด แล้วเราจะพบหนทางแห่งความสุขรู้จักกับตนเองได้อย่างแท้จริง
    สังคมเราในปัจจุบันนับว่าก้าวไปอย่างรวดเร็วมาก ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง  ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศ  สิ่งเหล่านี้ล้วนแ่ต่เิดปัญหาในตัวของมันเอง บางคนรับได้ บางคนรับไม่ได้จนเกิดเรื่องไม่ดีตามมา สุดท้ายแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจ เมื่อเรามั่นคงในตนเอง คิดเป็นบวก มีทัศนคติที่ดีต่อชีวิตของตนเอง เราก็สามารถมีต้นไม้ภายในใจได้ แทนที่จะเป็นคนที่ก้าวร้าว แข็งกระด้าง แต่เราจัดการชีวิต ควบคุมมันได้ หากเราปลูกต้นไม้ในใจเรานั้น ก็เท่ากับเราปลูกต้นไม้ในแผ่นดินพ่อ
    

วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

ฺBook favourite

เข็มทิศชีวิต

    สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทที่ฉันชื่นชอบมากที่สุดคือ หนังสือเข็มทิศชีวิตในชื่อตอนที่ว่า กฎแห่งความสุขเป็นหนังสือที่บอกถึงการวางแผนการใช้ชีวิตในประจำวันอย่างเป็นระบบและมีระเบียบ การจัดการกับปัญหาและวิธีการอยู่ดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวไว้เป็นบทความสั้นๆที่รวมถึงเนื้อหาทุกขั้นตอนของชีวิต และในชีวิตประจำวันของคนเราทุกคนนั้นย่อมเกิดความทุกข์พร้อมทั้งความสุขขึ้นได้ เราจะมีวิธีอย่างไรในการที่จะรับมือเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ในบทความได้มีการรวมเนื้อหาที่เป็นข้อคิดจึงทำให้ผู้อ่านรวมถึงตัวฉันที่รู้สึกจรรโลงใจ มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตเพราะได้รับข้อคิดในการใช้ชีวิตแบบมีความสุขถึงขั้นสูงสุด เมื่อเราเข้าถึงหลักของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เราก็จะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบพร้อมที่จะรับปัญหาและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นระบบระเบียบ เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้เป็นการยกตัวอย่างวิธีที่จะเป็นแนวทางให้เราเข้าถึงความสุขได้มากที่สุด

       ในชีวิตประจำวันของเรานั้น ล้วนผ่านมาแต่ล่ะช่วงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่เกิด วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่จนไปถึงกระทั่งวัยชรา ในช่วงชีวิตของเรานี้ทำให้เราได้รับประสบการณ์ต่างๆผ่านเข้ามาให้เราได้เรียนรู้และเลือกปฏิบัติตามที่ตนตัดสินใจ บุคคลที่สามารถเรียนรู้และรับมือกับปัญหาหรือเหตุการณ์เกิดขึ้นได้ บุคคลผู้นั้นถือได้ว่าย่อมรู้จักกฎแห่งความสุข รู้จักวิธีในการดำเนินชีวิตและการเอาตัวรอด แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยเช่นกันในสังคมปัจจุบันที่เกิดปัญหามากมายในชีวิต และพบว่าตนเองไม่สามารถแก้ปัญหาหาทางออกในชีวิตได้ ก็จะทำให้ใจพบแต่ความทุกข์ ความโศกเศร้า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บั่นทอน สภาพชีวิต จิตใจ และความเป็นอยู่ของตนเองรวมไปถึงบุคคลรอบข้างคนอื่นๆด้วย จนกระทั่งทำให้เกิดสภาวะตึงเครียดแล้วอาจบานปลายไปจนถึงการหาทางออกของปัญหาที่ไม่พึงประสงค์ อย่างเช่น การก่ออาชญากรรม และการคิดสั้นฆ่าตัวตาย การพึ่งสิ่งเสพติด ฯลฯ โดยภาพรวมเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าถ้าเราไม่รู้จักใช้ชีวิตและเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็ไม่สามารถอยู่รอดในสังคมในปัจจุบันได้ เพราะทุกคนเกิดมาล้วนแต่ต้องเผชิญกับปัญหาของชีวิต แต่ถ้าเรารู้จักที่จะหลีกเลี่ยงหรือรู้วิธีที่จะทำให้ตนนั้นเกิดความสุข แม้ตนจะตกอยู่ในสภาวะที่ทุกข์ในระดับที่สูงที่สุด ก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่เข้มแข็ง
และรู้กฎแห่งความสุข
            หนังสือเล่มนี้ได้บอกอะไรหลายๆอย่างที่เข้าถึงชีวิตและแก่นแท้ของจิตสำนึกในการกระทำ บางคนว่าเกิดปัญหาเกี่ยวกับการงาน บ้างก็ว่าเกิดจากความรัก  ครอบครัว เงินทอง  ชื่อเสียง เกียรติยศ ฯลฯ  บทความดังกล่าวจะรวบรวมประสบการณ์จากสิ่งเหล่านี้มากล่าวถึงพร้อมทั้งมีทางออกสำหรับการแก้ปัญหาดังกล่าวรวมไปถึงข้อคิดแรงจูงใจ ที่จะทำให้เราไม่ย่อท้อต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น พึงสอนตนเองให้รู้จักยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง เพื่อไม่ให้หลงผิดไปสู่ทางแห่งความทุกข์
ตัวอย่างหนังสือเข็มทิศชีวิต 3
            หากผู้อ่านได้อ่านจนจบเล่มแล้วนำไปปฏิบัติทำตามข้อคิดนั้นๆได้สมบูรณ์ ท่านก็จะขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่เข้มแข็งและเข้าใจกฎแห่งความสุขที่แท้จริง  เพราะการเรียนรู้เป็นสิ่งที่เกิดได้โดยไม่มีวันสิ้นสุด คนเราต้องรู้จักเรียนรู้เพื่อที่จะปรับแก้ไขตนเองเพื่อให้อยู่รอดและดำเนินชีวิตต่อไป ปัญหาที่ขึ้นชื่อว่ามีผลต่อหลายๆสิ่ง คือครอบครัวและความรัก บางคนบอกว่าความรักเป็นสิ่งที่อยู่ข้างคนเราเสมอ ความรักและครอบครัวนั้นเป็นที่ที่ซึ่งให้ความอบอุ่น สร้างกำลังใจให้เราผ่อนคลายจากปัญหารุมเร้าในเวลาที่เราต้องการคนปลอบโยน สิ่งเหล่านี้เป็นความสุขที่เกิดจากครอบครัวและความรักที่มีให้ ซึ่งถ้าเรามองในท้ายสุดแล้วไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืนไปกว่าจิตใจของตนเอง ที่จะอยู่กับเราไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต สิ่งที่เราควรจะเอาใจใส่ และไม่ควรมองข้ามมากที่สุดนั้น
คือ ใจของเราเอง  อย่างคำกล่าวที่ว่า "ความสุขนั้น เกิดขึ้นได้ถ้าใจเราอยากให้เกิด" การที่จะมีความสุขได้นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่เราเรียนรู้และพร้อมยอมรับในสิ่งที่เกิด ตั้งสติรวบรวมความคิดแล้วค่อยๆแก้ไขจุดบกพร่องของในการใช้ชีวิตประจำวันของตนเอง อย่าให้อารมณ์ของตนมาครอบงำจิตใจ เท่านี้ความสุขคงอยู่ไม่ไกล ถ้าใจเราอยากจะเอื้อม
          
       สุดท้ายแล้วชีวิตก็ต้องเดิน ต้องก้าวต่อไป ปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้น ย่อมเป็นไปตามกฎของมัน ขอเพียงเราเราเข้าใจและนำกฎแห่งความสุขมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เราก็สามารถทำอะไรได้ประสบความสำเร็จ เป็นคนที่มีความสุขได้ทุกสถานการณ์ และทำให้คนรอบข้างเรามีความสุขตามไปด้วย