วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

แพรว-สุดสัปดาห์

" ปลูกต้นไม้ในใจเรา "

   ขณะที่กำลังติดตามข่าวสารเศรษฐกิจในช่วงขาลงนั้น คนใหญ่คนโตคนหนึ่งซึ่งตกเป็นข่าวว่า...
ลาออกจากทางราชการเพราะทนแรงกดดันจากทางการเมืองไม่ไหว ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกภายหลังหลบหน้านักข่าวไปสองสามวันว่า " ไม่มีอะไร  ผมแค่อยากปลูกต้นไม้

   เมื่อถูกซักว่า "ที่ลาออกเพราะการเมืองใช่หรือไม่ และอยากจะทำอะไรต่อไป"  เขาก็ยิ้มตอบแล้วได้แต่บอกว่า " ก็ดูแลต้นไม่ที่ทิ้งไว้นานแล้วให้ดีๆ " ถึงแม้นักข่าวคิดว่าเป็นการตอบคำถามที่เลี่ยงคำถามแต่ก็ได้สังเกตน้ำเสียง และการยิ้มสู้กล้องของเขาอย่างมั่นใจ ทำให้ประเด็นเรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจมากขึ้น     ยามเศรษฐกิจตกต่ำ คนกำลังตกงาน จิตใจว้าวุ่น การปลูกต้นไม้คงให้อะไรมากกว่าที่คิด ต้นไม้คือชีวิต เป็นสัญลักษณ์ของการเติบโต แต่คนที่หันเข้าหาต้นไม้ยามมีปัญหา ไม่พ้นถูกกล่าวหาว่าวิ่งหนีปัญหา แต่ในทางกลับกัน ฉันกลับเห็นเขาว่าเป็นคนที่ฉลาดทีเดียว อย่างน้อยก็รู้วิธีหนีมันอย่างฉลาด และใช้มันได้อย่างถูกจังหวะที่สวยงาม
  ทุกวันนี้มีโครงการณ์ปลูกต้นไม้ปลูกป่ามากมายเพื่อหวังเพิ่มสีเขียวให้กับโลกที่แห้งแล้งลงทุกที ถ้าเราคอยสังเกตดีๆจะเห็นว่า ต้นไม้ที่ปลูกในฌอกาสเฉพาะกิจต่างๆ มักจะตายมากกว่ารอด หรือว่าการรณรงค์ปลูกต้นไม้ไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาเสียแล้ว  การที่จะปลูกต้นไม้ให้งามต้องอาศัยความผูกพัน เอาใจใส่ ถ้าไม่ผูกพัน ถึงปลูฏมากเท่าไหร่ก็ตายหมด ถ้าเราสนใจ แม้เพียงต้นเดียวก็สามารถช่วยสิ่งแวดล้อมได้บ้าง นี่คือที่มาของประโยคคำคมๆว่า ปลูกต้นไม้ในใจคนเสียก่อน แล้วคนจะปลูกต้นไม้ในแผ่นดิน
  


ทั้งฉันและต้นไม้ เราต่างหวังว่าจะเติบโตบนผืนแผ่นดิน
ที่เหมาะสมร่วมกันระหว่างการเดินทางที่ความฝัน
และความจริงยังไม่บรรจบกันนั้น 
เราต่างมีกันและกันเป็นพันธสัญญา






บทความดังกล่าวได้สอดคล้องเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตและการใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง รู้จักที่จะเลี่ยงปัญหาที่ตามมา เมื่อเราพบกับปัญหา เราควรมีทางออกและหนทางแก้ไข หรือหนทางที่เรียกว่า 
การเดินทางสายกลาง เข้าใจในปัญหา และค้นพบทางออกของปัญหาด้วยตัวเราเอง การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนั้นทำได้ไม่ยาก อย่างเช่นการปลูกต้นไม้ในใจเรา ก็เหมือนทำให้ใจตนเองนั้นสงบ เบ่งบานไปด้วยสีเขียว หากใจเราสงบนิ่ง ไม่คิดฟุ้งซ่าน ความทุกข์ย่อมไม่เกิด แล้วเราจะพบหนทางแห่งความสุขรู้จักกับตนเองได้อย่างแท้จริง
    สังคมเราในปัจจุบันนับว่าก้าวไปอย่างรวดเร็วมาก ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง  ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศ  สิ่งเหล่านี้ล้วนแ่ต่เิดปัญหาในตัวของมันเอง บางคนรับได้ บางคนรับไม่ได้จนเกิดเรื่องไม่ดีตามมา สุดท้ายแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจ เมื่อเรามั่นคงในตนเอง คิดเป็นบวก มีทัศนคติที่ดีต่อชีวิตของตนเอง เราก็สามารถมีต้นไม้ภายในใจได้ แทนที่จะเป็นคนที่ก้าวร้าว แข็งกระด้าง แต่เราจัดการชีวิต ควบคุมมันได้ หากเราปลูกต้นไม้ในใจเรานั้น ก็เท่ากับเราปลูกต้นไม้ในแผ่นดินพ่อ
    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น